Monday, November 19, 2012

กรุงเเทพมาราธอน 2012

เมล์ข่าวชมรมมาราธอนส่งมา มีโปรช่วยค่าสมัครครึ่งราคา ระยะฟูล 800 เหลือ 400 ระยะฮาล์ฟ 400 เหลือ 200 น่าสนใจ น่าสนใจ
ดูท่าฟูลน่าจะไม่ไหว ฮาล์ฟยังพอมีลุ้น โทรถามคุณโต้มีแววไหม ร่อนเมล์สมัครไปแบบบ้าๆ

โปรไฟล์เดิม มินิ 10 กม. เคยทำไว้ 52 นาทีเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นวิ่งฟรีของใครจัดไม่แน่ใจเสื้อได้มาเป็นผ้าขี้ริ้วไปแล้ว วิ่งจากหน้าพระรูป ไปสนามศุภแล้ววนกลับ เหนื่อยสุดๆ

งานนี้เหลือเวลาซ้อม 2 อาทิตย์ พยายามวิ่งทุกวัน เช้าบ้างเย็นบ้าง วันละ 5-7 โล อัพขึ้นไปเรื่อยๆจนขึ้นไปถึง 16 โลก่อนลงสนาม 5 วัน สถิติสุดท้าย 16 โล 2 โลแรก 20 นาที จากนั้นสปีด 8 ไปอีก70นาที พักกินน้ำแล้วไปต่อด้วยสปีด 8  รวมใช้เวลาประมาณ 2 ชม. 15 นาที วันจริงไม่น่าจะถึง 3 ชม.

ก่อนแข่ง 2 วัน แบ๊งก์จัดการลงทะเบียนรับเบอร์รับเสื้อมาให้ พร้อมรายละเอียด ดูเส้นทางวิ่งเริ่มจากถนนสนามชัยข้างวัดพระแก้ว ฟูลออกตีสาม ฮาล์ฟออกตีห้า ขึ้นปิ่นเกล้า ทางยกระดับ กลับตัวที่สายใต้เดิม ไปพระราม 8 เข้าถนนราชสีมาเลี้ยวขวาแยกซังฮี้ ไปวังจิตรลดา หน้าพระรูป เข้าราชดำเนิน ถนนพระสุเมรุ ลอดสะพานปิ่นเกล้า ธรรมศาสตร์ ท้ายวัง กลับเข้าเส้นชัยที่ถนนสนามชัย

แผนการวิ่งตั้งไว้ ชั่วโมงแรกเก็บ 8 โล ประมาณพาต้า ชั่วโมงที่สอง กม. ที่ 16 หน้าพระรูป จากนั้นรักษาสปีด 7 ให้ได้ตลอด เป้าหมายถึงเส้นชัยไม่เกิน 2 ชม 45 วันนี้มีพายุเข้าอ่าวไทยอาจมีฝนตกเอาหมวกแก๊ปไปด้วย

วันจริงตื่นตีสามออกจากบ้านตีสามสี่สิบห้า โด๊บนมหนึ่งแก้ว คว้าขนมปังไปสองก้อน จอดรถที่ใต้ถุนลานคนเมือง กทม. กดโปรตีนไปอีกหนึ่งโด๊ส แถมกินขนมปังที่ติดมาจนหมด แสตมป์บัตรจอดฟรี มีรถตู้ไปส่งข้างกระทรวงมหาดไทย อีก 15 นาทีจะตี 5 เดินไปเข้าเขตปล่อยตัว ผูกชิปที่รองเท้า ยืดนิดๆหน่อยๆ รู้สึกว่าผูกเชือกรองเท้าแน่นไปนิดแต่ไม่น่าเป็นอะไร

ได้เวลาปล่อยตัว เริ่มวิ่งแบบสบายๆท่ามกลางกลุ่มแนวหลัง พยายามไม่เร่ง ไม่กระชาก ข้ามสะพานปิ่นเกล้า ขึ้นทางยกระดับแบบเหยาะๆ ไม่โหม (ตอนนี้พวกเคนย่าฟูลสวนกลับมาถึงทางแยกไปพระราม 8 แล้ว) ขึ้นทางยกระดับผ่านแยกจรัล ตอนนี้เริ่มปรับสปีดขึ้นอีกนิดแล้วเหมือนจบสองโลแรกตอนซ้อม ผ่านโลตัส เซ็นทรัล ทุกอย่างยังอยู่ภายใต้การควบคุม รู้สึกเล็กๆว่าสปีดเกิน 8 นิดหน่อย เข้าใจว่ามาจากแรงพฤติกรรมหมู่

ถึงจุดกลับตัวยังโอเค รักษาจังหวะหายใจ ผ่านเซ็นทรัล พาต้า เพิ่งจะ 50 นาที เร็วกว่าแผน วิ่งต่อไปด้วยความเร็วเดิม ช่วงนี้รู้สึกพี๊คเหลือเกิน เลี้ยวเข้าสะพานพระราม 8 เริ่มรับน้ำดื่มครั้งแรก จังหวะขึ้นสะพานไม่โหม ปล่อยตัวไหลลงสะพานแบบไม่ค่อยยั้ง ถึงแยกราชสีมา ตอนนี้เริ่มโดนแซงบ้างแล้ว เริ่มเจ็บเอ็นบนข้อเท้าขวาเหมือนตอนซ้อมแล้ว ความเร็วเริ่มตก ถึงตอนนี้วิ่งมา 12 โลแล้ว สปีดน่าจะประมาณ 8 รักษาจังหวะการวิ่งต่อไป

เข้าถนนราชวิถี ยังเจ็บเอ็นเท้าอยู่ อากาศไม่ร้อน แดดยังไม่ส่องถึงตัว หมวกที่ติดมาด้วยเหน็บไว้ที่เอวน่ารำคาญมาก ผ่านวังสวนจิตร รู้สึกว่าระยะทางยาวมาก โดนแซงตลอด ดื่มน้ำทุกจุดให้น้ำ ถึงหน้าลานพระรูป ใช้เวลาไปประมาณ 1 ชม. 45 เร็วกว่าแผน

เข้าราชดำเนินอาการเจ็บค่อยเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ อยากหยุดใส่รองเท้าใหม่แต่ไม่หยุด โดนแซงตลอด เห็นพี่อนันต์เดินพัก แล้วก็วิ่งแซงไป เห็นคุณวิชัยใกล้กระทรวงเกษตร แล้วก็แซงไป ทนวิ่งต่อไป หัวใจไม่เหนื่อย กล้ามเนื้อขายังไม่ล้า แขนหลังไหล่สบายดี ติดป้ายเบอร์สูงไปกลัวจะสีนมแต่ไม่ เจ็บเอ็นเท้าขวาและเริ่มเจ็บนิ้วก้อยและนิ้วโป้งเท้าซ้าย

พอถึงแยกผ่านฟ้าเลี้ยวเข้าถนนพระสุเมรุสมทบกับคณะเดินวิ่ง 5 กม. ต้องหลบหลีกคนนิดหน่อย ทนวิ่งต่อไป ไม่ยอมหยุด เสียงท้องร้องคร่อก สปีดเริ่มช้าลงน่าจะเหลือ 7 ไม่คิดอะไรมากก็ถึงแยกถนนดินสอ คราวนี้สบทบกับคณะเดินอีกกลุ่ม เยอะเลยคราวนี้ ทนวิ่งต่อไปถึงป้อมพระสุเมรุผ่านบ้านพระอาทิตย์ บ้านพี่จิ๋ม ยังพอไหวอยู่ ลอดใต้สะพานพระปิ่นเกล้าเข้าช่องฮาล์ฟชิดโรงละครแห่งชาติเข้าสนามหลวง ชักไม่ค่อยไหวแล้ว เจ็บเส้นเอ็น พอเลี้ยวเข้าถนนพระจันทร์ต้นไม้ครึ้มๆก็แผ่วเลย เดินซะแล้ว ดูเวลายังอีกนานกว่าจะ 3 ชั่วโมง ขนาดเดินก็เจ็บ นอกจากเจ็บเอ็นเท้าขวาแล้วเท้าซ้ายก็เจ็บ ปวดและระบม เดินไปเรื่อย มีแบบอยากจะวิ่งบ้างแต่กลัวต้องไปหาหมอ เดินเอาแล้วกัน

จะถึงท่าช้างเห็นกำแพงวังนึกถึงนิราศภูเขาทองของสุนทรภู่ ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด เจ็บสะใจมาก เลี้ยวขวาเดินเลาะกำแพงวังด้านแม่น้ำ ถึงตอนนี้ลองวิ่งบ้างก็ไม่ไหวแล้ว เดินไปก็คงทัน เดินต่อไปแต่ไม่ถึงกับกะเผลก พ้นมุมกำแพงเข้าถนนท้ายวังมีน้องกองเชียร์คอยกระตุ้น แต่ก็ไม่วิ่ง วิ่งไม่ไหว เจ็บ เดินอย่างเก่า

สุดท้ายเลี้ยวเข้าถนนสนามไชยนึกว่าหมดเวรแล้ว ที่ไหนได้ทางที่วิ่งเข้าเส้นชัยทำซะเด่นเชียว แถมมีทั้งตากล้องและหน้าม้ายืนออตลอดขอบรั้วซ้ายขวาแถมร้องเย้วๆให้เร่งฝีเท้าอีก พอเจอบรรยากาศนี้ก็งานเข้าเลย จะเดินเข้าได้ไง ยอมเจ็บดีกว่าเสียฟอร์ม กัดฟันสูดลมเฮือกใหญ่กลั้นใจเหยาะเท้าไปข้างหน้า มันเจ็บขนาดต้องโอ๊ยออกมาข่มความเจ็บเลยทีเดียว เท้าก็วิ่งไป หน้าก็เก็บอาการ สังเกตได้ชัดจะวิ่งช้ากว่าชาวบ้าน นาฟิกาตรงเส้นชัยบอกเวลา 2.45

หลังเข้าเส้นยังไม่หมดทุกข์ ต้องเดินอีกพอสมควรกว่าจะออกนอกเลนเส้นชัยได้ จะหาที่สบายๆถอดเกือกก็แสนยาก ต้องไม่ลืมยืดเหยียดกล้ามเนื้อขาด้วย พอได้้ที่นั่งได้ก็เรียกได้ว่าสวรรค์น้อยๆเลยทีเดียว ยิ่งได้ถอดรองเท้ายิ่งเป็นสุข นวดเท้าตาพริ้ม


พอสบายขึ้นก็ควรหาอะไรรองท้อง เห็นเขาถือถุงกล้วยหอมกับแอ๊ปเปิ้ลกันก็ไปตามทางที่คนเยอะๆมือเปล่าไปกัน ยังเจ็บเท้าอยู่ เดินก็ไม่ค่อยปกตินัก ตรงจุดแจกคนเยอะพอดูแต่ก็พอไหว ได้กล้วยมาสองลูกแอ๊ปเปิ้ลมาหนึ่ง น้ำอีกขวด แม๊คไม่เอาแล้วอยู่ไกล เห็นพี่สรจักรจะกลับพอดีลากันเรียบร้อย เห็นคุณแก้วกะพี่ตี่นั่งหน้าสวนสราญรมย์

ถึงคราวต้องกลับแล้วผ่านเต้นท์นวดมีคิวอยู่สองคน ยืนรอไม่นานได้ใช้บริการ บอกได้เลยพี่ไพโรจน์แนะนำไม่ผิด แจ๋วจริงๆ จากนั้นเดินต่อหารถตู้กลับลานคนเมืองแต่ไม่เจอ เลยเดินกลับ แวะกินข้าวเช้าริมคลองหลังวัดสุทัศน์สบายดีจริงๆ กลับถึงรถประมาณเก้าโมงครึ่ง

ปีหน้าเอาใหม่ ตอนนี้ขอกลับไปเจาะตุ่มเท้าพองก่อน


No comments:

Post a Comment